EN TH

NEWS

+

REVIEW

MET หมวกกันน็อค ที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อชีวิตการปั่นที่สนุกมากยิ่งขึ้น

MET : One Brain Use It!!!

MET หมวกกันน็อคคุณภาพชื่อดัง จากเมืองทาลาโมน่า ประเทศอิตาลี

 

หมวกกันน็อค MET ไม่ได้โดดเด่นแค่ดีไซน์และรูปทรง
แต่ยังมุ่งเน้นเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย
ที่กล้ายืนยันจากการผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากหลายประเทศทั่วโลก

 

มาตรฐานความปลอดภัยที่ หมวกกันน็อค MET ได้รับ
CPSC : North America
CE : Europe
QAS : Australia
JIS : Japan

MET หมวกกันน็อคคุณภาพ จึงไม่ได้เป็นเพียงหมวกกันน็อคที่เน้นดีไซน์สวยงามเพียงอย่างเดียว
แต่ยังห่วงใยผู้บริโภคเน้นมาตรฐานความปลอดภัยทุกใบ ก่อนที่จะถึงมือนักปั่นทุกท่าน

และ Met ไม่ใช่เป็นแค่เพียง หมวกกันน็อค ธรรมดา
แต่ Met เน้นทุกรูปแบบการดีไซน์ คัดสรรวัสดุ เพื่อคุณภาพและความปลอดภัยอย่างเต็มเปี่ยม

 

*** ไม่แนะนำ ให้เลือกใช้หมวกกันน็อคที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย
** เพราะชีวิตคุณมีมูลค่า มากกว่า ราคาที่ต่ำกว่า เพียงเท่านั้น

ร่วมสัมผัสหมวกกันน็อคสุดเฉียบที่โดดเด่นทั้งดีไซน์และมาตรฐานความปลอดภัยได้ที่ร้านตัวแทนจำหน่าย
หรือสอบถามข้อมูลสินค้า เพิ่มเติม โทร. 02-515-0179

+

+

+

LAKE Custom Fit Carbon Fiber Shoes

Lake Cycling Shoes 

รองเท้าจักรยานหน้ากว้าง(wide) กว้างเเค่ใหน กว้างเท่าไร ผู้ใช้ควรรู้ Lake มีคำตอบเรื่องนี้ครับ กว้างใช่ว่าจะดีกับทุกคน Lake Cycling Shoes ออกแบบรองเท้ามา 2 แบบ มีแบบหน้าเท้าปกติ และ แบบหน้าเท้ากว้าง เหมาะสำหรับคนเอเชีย อย่างคนไทยที่สุด 

 

STEP BY STEP LAKE CX402 Custom Fit Carbon Fiber Shoes LAKE CX402 รองเท้าจักรยานเสือหมอบพื่นคาร์บอน วัสดุหนังจิโจ้กระชับใส่สบายและยังสามารอบเพื่อให้กระชับเเละเข้ากับรูปเท้าได้มากกว่าเดิม เรามาเเนะนำขั้นตอนการอบอย่างถูกวิธี สิ่งที่ต้องมีก็คือ ตู้อบความร้อน ถุงมือกันร้อนเทอร์โมมิตรเตอร์ นาฬิกาจับเวลา เเละเก้าอี้ (ให้อบรองเท้าทีละข้าง)

 

1. เตรียมตู้อบความร้อน เปิดเตรียมใว้ที่อุณหภูมิ 90-95องศา 

 

2. เมื่อได้ความร้อนที่ต้องการเเล้ว นำรองเท้าเข้าไปในตู้ความร้อน เเนะนำว่านำด้านส้นเท้าเข้าไปด้านใน จับเวลา 4 นาที ที่อุณหภูมิ 90-95องศา 

 

3. ครบ 4 นาทีเเล้วนำรองเท้าออกมา(ค่อนข้างร้อน) เช็คความนิ่มของพื้นตรงส้นเท้า ลองดึงดูว่าถ่าออกได้ใหม ถ้ายังไม่ได้สามารถอบเพิ่มได้ไม่เกินอีก 1 นาที

 

 

 

4. ได้เเล้วคลายรองเท้าออกให้หมด สวมเข้าไปเเล้ว บิดลูกบิดหมุนปรับรองเท้าเบาๆ อย่าหมุดเเรงเด็ดขาด ใส่ถุงมือกันร้อนนวดบริเวณส้นรองเท้าบีบเข้าไปให้กระชับ แล้วยกเท้าขึ้นเอามือดันตรงส้นใว้ออกเเรงดันขึ้น ให้ผู้ที่สวมรองเท้าดันลงสวนกลับมือ 

 

5. ทำจนเข้ารูปเท้าเเล้ว บิดหมุนลูกบิดเข้ามาอีก นิดหน่อยพอตึงๆ อน่าเเน่นนะครับ ทิ้งใว้สัก 5-8 นาที ถ้าให้ดีเเนะนำว่าให้ขึ้นปั่นจักรยานด้วยยิ่งดี เท้านี้เป็นอันเสร็จ


*ข้อควรระวัง อย่าอบนานจนเกินไปจะทำให้หนังรองเท้าย่น เหี่ยวเสียรูปและพื้นคาร์บอนเกิดมีฟองอากาศเเละร้าวตรงผิวเคลือบ(เเต่ยังใช้ได้ปกติ) รองเท้า LAKE CX 402 อบได้หลายครั้ง สูงสุดเคยทำได้ถึง 10 ครั้ง ครับ

 
+

Review: Lake Raven3.0 - Carbon Fiber Haetmodable Insoles

เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา แวะเข้าไปร้านพี่อี๊ดเพื่อไปเปลี่ยนคลีทของเดิมเป็น speedplay พร้อมทั้งเอาน้องแอนดี้ไปแปลงร่างจากโหมด Time Trail กับสู่โหมด Fixed บ้านๆ พอฟังพี่อี๊ดอธิบายจบ ผมก็คันเลยขอพี่อี๊ดลองเจ้าแผ่นอันนี้มั่ง เพราะตัวผมเองก็มีปัญหาเวลาปั่น ปั่นไปได้ซัก 20-30 กม. ผมมักจะเจ็บใต้ผ่าเท้าบริเวณอุ้งเท้าเป็นประจำ จริงๆ ก็ไม่ได้เจ็บมากนะ แต่เมื่อมีอาการมันให้ความรู้สึกรำคาญมากกว่า หลังจากอธิบายอาการให้พี่อี๊ดฟัง พี่อี๊ดก็บอกว่า "ผมเป็นคนที่บริเวณอุ้งเท้ามีลักษณะเว้าเข้าไป เวลาปั่นมันมี space ทำให้ฝ่าเท้ามันลงไม่เต็ม เวลาย่ำบันไดน้ำหนักมันไม่กระจายไปทั่วเท้า "ถกกันมาถึงขั้นนี้พี่อี๊ดก็เลยจับผมทำพิธีกรรม 1-6 ข้างบนนั้น พอทำขั้นตอนมาถึงข้อ 5 ช่วงเวลา 5 นาทีแรก ฟีลแรกที่ยัดเท้าเข้าไปในรองเท้าหลังจากอบแผ่นรอง มันก็อุ่นๆฝ่าเท้าดีครับ รู้สึกได้ว่าแผ่นรองมันค่อยๆ ยุบตามเท้าเราที่วางลงไป เมื่อครบเวลาที่กำหนดก็ถอดรองเท้าวางทิ้งไว้ให้คาร์บอนมันเย็นตัว ประมาณ 20 นาทีต่อมา แรกสัมผัสที่สวมรองเท้า รู้สึกทันทีครับว่า ฝ่าเท้ามันวางได้เต็มตรีนมากขึ้น!!!  แค่ลองใส่มันคงไม่รู้สึกอะไร สิ่งที่จะบอกว่ามันเวิร์ค ไม่เวิร์คมันคือต้องออกไปลองปั่นซิครับ ออกไปซ้อมกับแกงค์ DMR คืนนั้นเลย

 

วันที่1 ระยะทดสอบประมาณ 60 กม. ปั่นมันจากคอนโดที่ทองหล่อ - ช็อคโกแลตวิลล์ (CV)/ซ้อมปั่น CV รอบใหญ่ 2 รอบ เหยียบได้เต็มตรีนมาก ๆ รู้สึกเลยว่ากดมันส์ขึ้น รู้สึกว่ารองเท้า Stiff ขึ้นมาก แรงเหยียบที่ส่งไปบันไดนั้นกระจายทั่วฝ่าเท้าหลังจากปั่นเสร็จ มีอาการเจ็บใต้ฝ่าเท้าน้อยลง เมื่อเทียบกับปั่นระยะนี้ที่เคยปั่นมา เข้าใจว่าเท้ายังไม่ชินกับพื้นที่แข็งขึ้น

 

วันที่2 ระยะทดสอบ 120กม. ปั่นไปกลับ ทองหล่อ-ลำลูกกา คลอง13 วันเสาร์ตัดสินลองทดสอบระยะไกล ตลอดระยะเส้นทาง 120 กม. ไม่มีอาการเจ็บฝ่าเท้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทุกครั้งที่ย่ำบันไดรู้สึกสบายเท้าขึ้นมาก จบทริปเท้าไม่ปวด แต่ปวดไหล่ชิบหาย ฮ่าาาาาาา

 

จากการทดสอบค่อนข้างมั่นใจเลยครับ Lake Raven3.0 แก้ปัญหาเรื่องอาการเจ็บใต้ฝ่าเท้าของผมได้ครับ ในเบื้องต้นถ้าคุณอยากให้ "ฝ่าตรีนแนบแน่น และสนิทสนมกับรองเท้ามากขึ้น Lake Raven3.0 ผมถือว่าตอบโจทย์ครับ"ขอบคุณพี่อี๊ดด้วยนะครับที่ให้ผมเป็นหนูทดลอง เอ๊ย ทดสอบเจ้าแผ่นรองรองเท้าอันนี้ เพราะว่า ...มัน เวิร์ค มาก

+

BROOKS CAMBIUM FAMMILY

วันนี้มาแนะนำ BROOKS CAMBIUM แนวคิดใหม่จากบรู๊คส์โดย John Boultbee Brooks ผู้ก่อตั้งบริษัท บรู๊คส์ แต่พับเก็บโปรเจ็คนี้เอาใว้ และเมื่อบรู๊คส์ย้ายเข้ามาอยู่ในเครือ Salle Royal Group ได้มีการนำโปรเจ็คนี้มาทำอีกครั้งเมื่อปี 2013 โดยเริ่มผลิตเบาะ CAMBIUM รุ่นแรกชื่อว่ารุ่น "C17" เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของบรู๊คส์ ทั้งเรื่องเบาะและภาพลักษ์ 


แนวคิดเรื่องเบาะ CAMBIUM มาจากการการเลือกหาวัสดุที่มาใช้ทดแทนหนัง ซึ่งนับว่ายิ่งน้อยลง ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดจักรยานที่กำลังเติบโตขึ้นทั่วโลกและข้อจำกัดในการใช้งาน เลือกวัสดุจากยางจากธรรมชาติ (ยางพารา จากภาคใต้ ของประเทศไทย) และใยฝ้ายทอเป็นผืน อัดขึ้นรูปผ่านความร้อน มีทั้งหมด 2 เลเยอร์ ประกอบเข้ากับรางเบาะวัสดุ K:IUM และยืดกันด้วยหมุดอลูมิเนียม คงความเป็นเอกลักษณ์ความเป็น บรุ๊คส์ที่มีมากว่า 150 ปี จากทั้งหมดนี้

 

เบาะ CAMBIUM ให้อารมณ์ความรู้สึกไม่แตกต่างไปจากหนัง แต่มีข้อดีในหลายๆด้าน ดังนี้ 
1.นุ่นเลยไม่ต้องรอ 
2. ทนทานแข็งแรง 
3.กันน้ำ

 

จากคุณคุณสมบัติดังกล่าวทำให้ CAMBIUM สร้างความฮือฮาให้กับแฟนคลับบรุ๊คส์ได้พอสมควรเลยทีเดียว

+

BROOKS CAMBIUM C13
“Test on Cobbles Paris Roubaix in the Arenberg”

BROOKS CAMBIUM C13 ความท้าทายใหม่ของบรู๊ค

แนวคิดเบาะ CAMBIUM มีมานานกว่า ทศวรรษแนวคิดที่ว่าการทำเบาะจักรยานที่ ทนทาน นั่งสบาย และให้ความรู้สึกเหมือนหนังแท้ โดยการใช้แทนวัสดุจากหนังวัว

BROOKS CAMBIUM C13 จากการพัฒนาส่งต่อจากรุ่น 17 และ 15 เปลี่ยนโครงสร้างตัวรางใหม่หมด รูปทรงเปลี่ยนไปจากเดิม CAMBIUM C13 ออกแบบมาเพื่อการใช้งานของจักรยานเสือหมอบโดยเฉพาะ ตัวเบาะผลิตจากวัสดุ vulcanised natural rubber and organic cotton รางเบาะผลิตจากคาร์บอน HM MADE IN ITALY

โดยคาแรคเตอร์ของ C13 เป็นเบาะที่ให้ความสบายเป็นอย่างมาก 
กระชับ ทนทานเเข็งเเรง ยืดหยุ่นตัวได้เยอะ น้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่ BROOKS เคยทำมา 
สัมผัสความนุ่นและเบาสบาย ของ BROOKS CAMBIUM C13 ได้แล้วที่ร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ 

 
+

SELLE ROYAL SCIENTIA “เทคโนโลยีบนเบาะจักรยาน”

SELLE ROYAL ร่วมลงทุนวิจัยกับ มหาวิทยาลัยโคโลญจน์ ประเทศเยอมัน German Sport University Cologne เป็นมหาวิทยาลัยใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในยุโรป วิจัยและออกแบบเบาะจักรยาน ใช้หลายทฤษฎีและหลายข้อมูล ผลคือ SCIENTIA กับเบาะถึง 9 แบบ และวิธีการเลือกใช้งานของแต่ละบุคคล ให้ได้ผลดีที่สุด

 

SCIENTIA เป้าหมายของการทดสอบคือศึกษา รูปทรง รูปแบบ ของบุคล วิเคราะห์หาเบาะที่ใช้ได้ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

การวิจัยครั้งนี้ใช้ เซ็นเซอร์จับตำแหน่งการนั่งถึง 64 จุด บนอานจักรยาน โดยกลุ่มเป้าหมายของมุ่งไปถึงคนทั่วไป โดย 9 แบบของ SCIENTIA วิธีการเลือกผ่านการทดสอบกับเครื่องมือของทาง SELLE ROYAL โดยเฉพาะ ผลจากการทดสอบ  ได้ค่าเฉลี่ยของกระดูก Sit Bones ทั้งผู้หญิงและผู้ชายได้ค่าดังนี้

ผู้หญิง มีกระดูก Sit Bones เฉลี่ย 13.04cm

ผู้ชาย มีกระดูก Sit Bones เฉลี่ย 11.50 cm.

เมื่อนำมาบวกกับขนาดของความกว้างกระดูก Sit Bones และจะได้เบาะที่แม่นยำและปั่นสบาย

 

วัสดุและเทคโนโลยีในการผลิตเบาะก็ถือว่าใหม่สำหรับเบาะจักรยาน

ROYAL GEL : เจลชนิดพิเศษลิขสิทธิ์ของ SELLE ROYAL มีลักษณะนุ่มไม่คืนตัวได้ดี

3D SKIN GEL : ทำให้ตัวเนื้อผิวของเบาะ ลักษณะนุ่ม ทนแรงเสียดสีได้ดี

CENTRAL RESERVOIR : SELLE ROYAL นั่งสบายไม่จำเป็นต้องมีรู จากการวันจุดกดทับ

REAR PLATEAU : การติดตั้งตัวเบาะ ปลายเบาะจะก้มเล็กน้อย

CURVA SUSPENSION : โครงสร้างแบบใหม่ของเบาะ SELLE ROYAL ทำให้ยืดหยุ่นตัวได้มาก รับแรงกระแทกได้ดี

+

Fizik Spine Concept Evo 2017

Fizik spine concept evo แนวคิดต่อยอดจาก spine concept เมื่อปี 2008 เพิ่มเติมคือ การออกแบบเบาะทางเลือกให้กว้างขึ้นในแต่ละรุ่น เพื่อให้นักปั่นได้มีโอกาสเลือกเบาะ Fizik ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จะแบ่งเบาะออกเป็น 3 แบบ ดังนี้ 

 

Snake (ARIONE)

High body flexibility ความยืดหยุ่นตัวของร่างกายสูง

Chameleon (ANTARES)

Medium body flexibility ความยืดหยุ่นร่างการขนาดกลาง

Bull (ALIANTE)

Low body flexibility ความยืดหยุ่นตัวของร่างการต่ำ

ซึ่งแต่ละรุ่นแบ่งออกเป็น 2 ขนาด / REGULAR กับ LARGE 

 

Fizik Spine Concept Evo

 

ARIONE 
REGULAR 130mm. 
LARGE 142mm. 

 ANTARES 
REGULAR 140mm. 
LARGE 152mm. 

ALIANTE 
REGULAR 143mm. 
LARGE 152mm.

กระดูกสันหลังมีความยืดหยุ่นต่างกัน และกระดูกเชิงกรานในแต่ละคนทำให้การเลือกเบาะที่นั่งสบายเป็นสิ่งที่ยากมาก ดังนั้น Spine Concept Evo จึงพัฒนารูปแบบของเบาะกว้าง REGULAR กับ LARGE ขึ้นมาเพื่อให้นักปั่นในแต่ละบุคคลนั่งสบายที่สุด ในสไตล์การปั่นของแต่ละคน

 

Fizik Spine Concept Evo
Application

Fizik ได้พัฒนา Application สำหรับการเลือกเบาะที่เหมาะสำหรับแต่ละบุคล โดยมีขั้นตอนการใช้งานง่ายๆดังนี้ ขึ้นตอนแรกให้เปิดแอฟพลิเคชั่นแล้วกด TEST จากนั้นกด START TEST นำโทรศัพท์มาทาบไว้ที่หน้าอก แล้วก้มลงเพื่อวัดค่าความยืดหยุ่นตาม Spine Concept เดิม ต่อมาใส่ น้ำหนักของคุณ ความเร็วเฉลี่ยของคุณ (AV) ลงไปในช่องคำนวนตามขึ้นตอน แล้วกดยืนยัน แอพจะคำนวนค่าวัตต์ และคำนวนว่าคุณต้องนั่งเบาะ REGULAR หรือ LARGE เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดทางแอพจะแนะนำเบาะที่เหมาะสมกับคุณ

 

สามารถดาวน์โหลด Application

"Fizik Spine Concept Evo"

ได้ทั้ง IOS และ Android 

FIZIK SPINE CONCEPT EVO : FIND THE ANIMAL IN YOU
ทดสอบเบาะ TEST ได้แล้วตามร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

+

Review : เฟรมหมอบ Basso Diamente

กล่าวนำก่อนนะครับ เฟรมตัวนี้เป็นตัวแรกที่ผมรีวิว ต้องบอกว่าผมก็ได้เคยปั่นจักรยานมาค่อนข้างหลายยี่ห้อและหลายรุ่น เพื่อการแข่งขันเป็นหลัก ผมเลยมองหาเฟรมที่มีการออกแบบตรงตามลักษะการปั่นของผม สไตล์ผมประมาณปั่นไหลเป็นหลัก ชอบหนีกลุ่มว่างั้น 555 น้ำหนักรถถูกจำกัดไม่ให้ต่ำกว่า 6.8กิโลกรัม ตามกฎการแข่งส่วนใหญ่ใส่ล้อขอบสูงก็ประมาณ 7-7.3กิโลกรัม บางทีผมก็นิยามรถที่ดีว่าให้ดูตอนที่เราหมดแรง เพราะตอนนั้นเราจะรู้ทันที่ว่ารถที่เราปั่นนั้นมันจะไปต่อได้แค่ใหนประวัติการแข่งส่วนตัวที่ผ่านมาก็ แชม์ประเทศไทย 2สมัย และรองแชม์ประเทศไทย2สมัยประเภทถนน Overall Tour of Thailand และเหรียญทองกีฬาแห่งชาติประเภททีมทามไทม์8สมัย(ผมถึงชอบรถไหลๆ55) 

 

จากข้อมูลผู้นำเข้าเค้าว่า Basso Diamante คือรถที่ออกแบบมาเพื่อความเป็นยอดจักรยานทางเร็ว ทางBasso เปรียบตัว Basso Diamante เหมือนรถแลมบูกินิ ที่ทั้งเร็ว แรง มีสไตล์ และไม่ตามใคร! รถผลิตที่อิตาลีทุกขั้นตอน!! รถมีจุดเด่นมากมาย มีโปรเอาไปเทส รีวิวให้ Near Perfect และได้คะแนน 9.9 จากเต็ม 10 ทั้งเข้าโค้ง ทั้งทางตรงทำความเร็วได้ดี เติมน้อย ไหลยาว ส่งดี เขาเด่น จะเรียกได้ว่า all around ก็ไม่ผิด แต่ส่วนตัวคิดว่าขึ้นเขาดี ทางราบเด่น แต่ลงเขาอาจจะมีหน้าไว เป็นธรรมดาของรถมุม Aero ที่ออกแบบมาไว้ให้ซิ่ง100% แบบเจ้า Diamante ถัดไปมาดูความเห็นส่วนของผมกันต่อ รูปลักษณ์ของเจ้า Diamante โดยส่วนตัวมองว่าบ่งบอกความเป็นรถอิตาลีได้ชัดเจน ประมาณว่าไม่หวือหวาแบบรถอเมริกัน  มีseatstay(ตะเกียบหลัง)ค่อนข้างใหญ่ ถ้าเทียบกับเฟรมรุ่นใหม่ๆในตลาด ดูแล้วน่าจะกระด้างแน่ๆ chain stay(ตะเกียบโซ่)ยาว 40cm ในไซส์ 53 ถือว่าสั้นทีเดียว ส่วนใหญ่รถถนนทั่วไปจะประมาณ 40.5-41 รถทามไทม์จะ 39.5-40.5

 

จุดเด่นจริงๆของเจ้า Diamante คงเป็นส่วนของ stem(คอแฮนด์) และheadset(ถ้วยคอ) ที่ออกแบบมาได้อย่างกลมกลืน โดยการใช้คอแฮนด์ที่ออกแบบมาด้วยกันเป็นฝาปิดถ้วยคอด้วยในตัว แน่นนอนมันค่อนข้างก้มมากๆ ซึ่งสำหรับผมก้มประมาณนี้กำลังดี สำหรับบางคนที่คิดว่าก้มไปก็มีแหวนรองคอที่ออกแบบมาให้เข้าชุดกัน แต่ถ้ายังก้มไปอีกก็มีชุดเสริมเพื่อยกถ้วยคอด้านบนขึ้นมา ผมบอกว่ายกถ้วยคอด้านบนมาเพราะชุดเสริมนี้จะเหมือนเป็นชิ้นเดียวกันกับเฟรม คือเอาลูกปืนถ้วยคอตัวบนวางบนชุดเสริมนี้อีกทีนึง แน่นนอนครับมันทำจากอลูนิเนียมเพื่อความแข็งแรง น้ำหนักเฉพาะตัวเสริมนี้ 77กรัม สำหรับคนแต่งเบาอาจจะรู้สึกหนักไปนิดกับตัวstem ที่ทำหน้าที่เป็นฝาปิดถ้วยคอด้วย ความยาว 110 หนัก 190กรัม ก็หนักกว่าstemเบาๆทั่วไปเยอะอยู่ แต่บอกได้เลยครับว่าแข็งมากๆสำหรับคอตัวนี้ ใช้กะโหลกก็ bb86 86*41 จากที่ดูรูปลักษณ์ภายนอก จะเห็นว่าเป็นเฟรมที่ออกแบบมาให้มีความ strength(ความแข็งแรงสูงมาก)

 

ถึงช่วงลองปั่นจริงเฟรมตัวนี้ไซส 53 ผมสูง 185 แน่นนอนครับทุกคนคงว่ามันเล็กไป แต่เฟรมตัวนี้ค่อยข้างยาว ไซส์ 53 ท่อบนยาว 54.5 ยาวขนาดนี้พอไหวอยู่ คอแฮนด์หรือครับจัดไป 140cm เลยไม่สามารถใช้คอที่มากับเฟรมได้ ที่ให้มายาวแค่ 120 (อดเทสคอไป) อะใหล่ที่ใส่ก็ campy 10speed พอดีมีเหลือจากถอดไว้อยู่ชุดพอดี ล้อก็เป็นล้อที่ใช้ปั่นซ้อมประจำ(ประกอบเองดุมdt ขอบroadrunner) ผมไม่ค่อยได้ใส่ส้อขอบสูงหรือล้อcarbonเท่าไรนะครับ จะใส่แค่ตอนแข่ง ใส่ซ้อมมากๆเสียดายครับ(นักแข่งก็งี้ล่ะครับงบน้อย อิอิ) น้ำหนักตามรูป 7.6กิโล ถ้าใส่ล้อขอบสูงเบาๆน่าจะเหลือ 7ต้นๆ น้ำหนักกำลังดี 

 

ออกปั่นวันแรกไปก่อนเลย..ดอยสุเทพ! ออกจากบ้านไป 10กิโล วอมกำลังดี ถึงตีนดอยก็ค่อยขึ้นตามสเต๊ป จากที่ได้ปั่นขึ้นไปเรื่อยๆหัวใจที่ 140-150 มากกว่านี้ปวดขาล่ะครับช่วงนี้ไม่ค่อยฟิต จากที่ได้ยืนปั่น คงความเร็วตอนขึ้นเขา ต้องบอกว่าแข็งมาก ไหลกำลังดีในขาขึ้น คือถ้ารถเบามากๆขึ้นเขาดีก็จริงครับแต่มันไม่ค่อยไหลแบบถ้าชะลอรถความเร็วจะตกค่อยข้างไว แน่นอนครับต้องใช้แรงต่อเนื่องมากกว่า เจ้าตัวนี้ถ้ายกบ่อยๆตอนขึ้นเขาบอกว่าเหนื่อยเอาเรื่องครับ แต่ถ้าปั่นด้วยแรงคงที่บอกเลยว่าไหลดีทีเดียว พอถึงขาลงจากที่รถช่วงค่อยข้างสั้นทำให้รถไวมากเวลาเลี้ยว ต้องใช้เวลาสักพักเพื่อให้ชินผ่านไปซัก 3-4โค้งเริ่มคุ้นมือ เริ่มแบนโค้งได้เต็มที่ ด้วยที่รถหน้าไวทำให้เวลาเทโค้งแล้วผลิกกลับมาเทอีกทางนึงทำได้ไวมาก(ต้องคุ้นกับรถก่อนนะครับ) บางช่วงปล่อยไหลยาว ถือว่าไหลค่อยข้างดีทีเดียวถ้าใส่ขอบสูงไหลได้อีกเยอะ 

 

หยุดยาว..ไม่ได้ปั่น5วัน(เศร้า) จับรถได้อีกที วันนี้เค้ามีปั่นคันคลองกัน(เชียงใหม่) กลุ่มที่ซ้อมทางราบกันเร็วที่สุดของแถวนี้ล่ะครับ ได้ลองซัดทางราบกัน(ไป20กิโล กลับ20กิโล จะซัดกันช่วงครึ่งหลังทั้งขาไปและกลับ)แต่หยุดปั่นยาวไป 5วัน ในใจคิดใหวป่าวเนี่ย?? ช่วงนี่ก็ซ้อมน้อยไปปั่นทีไรหลังๆหลุดก่อนถึงเส้นทุกทีผลัดนำก็ไม่ค่อยไหว แต่เอาน่าไปลองรถหน่อย ปั่นจากบ้านไปรวมกลุ่ม 20กิโล เริ่มออกจากจุดรวมก็ปั่นกันไปเรื่อยๆ 35-40 พอถึงช่วงซัดครึ่งหลัง ความเร็วก็ขยับขึ้นเป็น 45-55 มีคนยกหนีบ้าง..กลุ่มหลังก็ผลัดนำเพื่อไล่กลุ่มหน้า หลักๆก็ผลัดนำกันตลอดล่ะครับแต่ความเร็วค่อยข้างสูง จาก3 0-40คน ผลัดกันลากจนเหลือเข้าเส้น 5-10คน จากที่ได้วนผลัดนำ..ถือว่าคงความเร็วได้ดีทีเดียว ลาก 50 ตอนนำ ตอนขาลงความเร็วไม่ตกลงเยอะ เข้าท้ายแถวไม่ต้องเติมมาก บางช่วงลองยกเล่นจากหลังกลุ่มความเร็วขึ้นได้ทันใจดีครับ ถึงช่วงหน้าเส้นเหลือ 500เมตร คนหน้าเปิดมาตาผมนำพอดี ถ้าให้ยกคงไม่ถึงเส้นแน่ๆครับ เลยนั่งกดลากสุดแรงความเร็วขึ้นมา 55-56 ขาสั่นล่ะครับ เปิดดีกว่าให้ข้างหลังสปริ้นกันไปต่อ ผมขอฟรีขาหายใจแปป จากที่ได้ปั่นบางช่วงเจอเส้นทางที่ถนนไม่ค่อยเรียบต้องบอกว่ารู้สึกได้ถึงรอยต่อถนนทุกรอยเลย เฟรมพี่จะแข็งไปใหนเนี่ย?? แบบนี้ต้องบอกว่าถ้าคนไม่แข็งแรงจริงปั่นไกลๆเหนื่อยครับ

 

สรุป Basso Diamante ผมถือว่าเป็นรถที่เข้ากับสไตล์การปั่นของผมได้เป็นอย่างดี ไว้เอาไปลุยกีฬาแห่งชาติต่อ จุดเด่น ไหล เข้าโค้งได้ไว เก็บสายได้เรียบร้อย คอออกแบบมาเข้ากับเฟรมสวยงามดี จุดด้อย ไม่เหมาะกับนักปั่นหน้าใหม่เท่าไร คุมรถยาก ถ้าขึ้นเขาเยอะๆหนักไปนิด หน้าต่ำ ปั่นไกลสำหรับมือใหม่ร่างกายจะล้าไว 
แน่นนอนครับผู้ผลิตเค้าก็บอกอยู่แล้วว่าทำมาเพื่อนักแข่ง สำหรับนักปั่นที่มือแข็งหน่อยผมว่า Basso Diamante เป็นรถที่ปั่นสนุกทีเดียวแต่ในช่วงแรกต้องบอกว่าเหมือนม้าพยศเลยครับ ต้องเอาใช้เชื่องก่อนรับรองได้สนุกกับมันแน่ครับ

 

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะครับ 
ผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยครับ

จตุภูมิ เลขวัต (ยอด)

+

Fizi:k Aliante: made for Bull

วันนี้ขอเล่าถึงเรื่องราวของเบาะ fizi:k Aliante: made for Bull ถูกคิดขึ้นตามแนวคิด ของกระดูกสันหลังของกระทิง เปิดตัวครั้งเเรกเมื่อปี 1999 กว่า 16 ปีที่อยู่ในสายการผลิตต้องบอกตามตรงว่า Aliante เป็นเบาะหน้าตาไม่สวยเอาซะเลย อ้วน หนา หนัก กว่าเบาะรุ่นอื่นๆ ใส่กับรถจักรยานเเล้วไม่สวย เเต่เพราะเหตใด fizi:k Aliante: made for Bull เพราะว่าเทคโนโลยีที่ Twin Flex นั่งสบายจนนักปั่นระดับโปรทัวร์เเละนักปั่นหลายๆคนชื่นชอบเลือกใช้มายาวนาน

 

New fizi:k Aliante: made for Bull

การเปลี่ยนเเปลงครั้งยิ่งใหญ่ fizi:k คิดว่าถึงเวลาเเล้วที่ต้องเปลี่ยนเเปลง Aliante ใหม่ทั้งหมดทั้งวัสดุที่ใช้ เเละหน้าตารูปทรง ส่งผลให้เบาขึ้นสวยขึ้นบางมากขึ้นเเต่ยังคงหลังเเนวคิดเดิม https://www.youtube.com/watch?v=CZOY7Co8X7s

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มที่ร้านตัวเเทนจำหน่ายทั่วประเทศ

+

+